สัญญาณรบกวนแม่เหล็กไฟฟ้า (EMI) คืออะไร? ปัญหาและวิธีป้องกันที่คุณควรรู้

Electromagnetic Interference

สัญญาณรบกวนแม่เหล็กไฟฟ้า (EMI) คืออะไร?

สัญญาณรบกวนแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ Electromagnetic Interference (EMI) คือการรบกวนของสัญญาณไฟฟ้าและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และระบบไฟฟ้าต่างๆ สัญญาณเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้จากแหล่งกำเนิดธรรมชาติ เช่น ฟ้าผ่า หรือแหล่งกำเนิดที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และเครื่องจักรอุตสาหกรรม

แหล่งที่มาของ EMI

  1. แหล่งกำเนิดจากธรรมชาติ
    • ฟ้าผ่า
    • พายุแม่เหล็กจากดวงอาทิตย์
    • ปรากฏการณ์ไฟฟ้าสถิตในบรรยากาศ
  2. แหล่งกำเนิดจากมนุษย์
    • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น วิทยุ โทรทัศน์
    • อุปกรณ์ไร้สาย เช่น Wi-Fi, Bluetooth
    • เครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม
    • สายไฟแรงสูง และระบบส่งพลังงาน

ผลกระทบของ EMI

สัญญาณรบกวนแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น:

  • การทำงานผิดพลาดของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
  • การสูญเสียข้อมูลหรือสัญญาณ
  • เสียงรบกวนในระบบเสียง
  • ความล้มเหลวของระบบควบคุมอัตโนมัติ
  • อันตรายต่อระบบการแพทย์หรือการบิน

วิธีป้องกันสัญญาณรบกวนแม่เหล็กไฟฟ้า

  1. การใช้ Shielding (การหุ้มป้องกัน)
    • ใช้วัสดุที่ป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น ทองแดง หรืออลูมิเนียม เพื่อหุ้มอุปกรณ์
  2. การกราวด์ (Grounding) อย่างถูกต้อง
    • ช่วยระบายกระแสไฟฟ้าที่ไม่พึงประสงค์ออกจากระบบ ลดโอกาสเกิด EMI
  3. การใช้ตัวกรอง EMI (EMI Filters)
    • ติดตั้งในสายไฟหรือวงจรเพื่อลดสัญญาณรบกวน
  4. การวางสายไฟอย่างเหมาะสม
    • แยกสายสัญญาณอ่อนออกจากสายพลังงาน และหลีกเลี่ยงการวางสายขนานกัน
  5. เลือกใช้อุปกรณ์ที่ผ่านการรับรอง EMC (Electromagnetic Compatibility)
    • อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานสามารถทนทานต่อสัญญาณรบกวนได้ดี

ตัวอย่างปัญหา: สัญญาณรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้าในอุตสาหกรรม

กรณีศึกษา 1: สัญญาณรบกวนในเครื่องจักรควบคุมด้วย PLC

ปัญหา:
ในสายการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมอัตโนมัติ พบว่า เครื่องจักรที่ควบคุมด้วย PLC (Programmable Logic Controller) มีอาการค้างหรือหยุดทำงานเป็นช่วง ๆ โดยไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า

สาเหตุ:

  • มี สัญญาณรบกวนจากมอเตอร์อินดักชัน หรืออุปกรณ์ที่ใช้กระแสสูงในสายการผลิตเดียวกัน
  • สายสัญญาณของ PLC วางขนานกับสายพาวเวอร์แรงสูง
  • ไม่มีการ shielding หรือกราวด์ที่เหมาะสม

วิธีแก้ไข:

  • แยกสายควบคุม (control signal) ออกจากสายไฟพาวเวอร์แรงสูง
  • ใช้ สาย Shielded Cable (เช่น KEIFLEX-Braided Shield) เพื่อป้องกัน EMI
  • เพิ่มตัวกรอง EMI (EMI Filter) ที่อุปกรณ์มอเตอร์หรือแหล่งกำเนิดสัญญาณรบกวน
  • ตรวจสอบและติดตั้งระบบกราวด์อย่างถูกต้อง

กรณีศึกษา 2: ระบบเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิอ่านค่าผิดพลาด

ปัญหา:
เซ็นเซอร์ RTD หรือ Thermocouple ในเตาอบอุตสาหกรรมแสดงค่าอุณหภูมิผิดพลาด หรือสวิงขึ้นลงรวดเร็วโดยไม่มีเหตุผล

สาเหตุ:

  • มี EMI จากอินเวอร์เตอร์ (VFD) ที่ใช้ควบคุมมอเตอร์ใกล้เคียง
  • ใช้สายธรรมดา (ไม่มี shielding) สำหรับส่งสัญญาณอุณหภูมิที่ไวต่อสัญญาณรบกวน

วิธีแก้ไข:

  • เปลี่ยนมาใช้สายสัญญาณที่มีฉนวนป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Shielded Twisted Pair Cable)
  • เดินสายให้อยู่ห่างจากอุปกรณ์กำลังหรืออินเวอร์เตอร์
  • ติดตั้งฟิลเตอร์ที่อินเวอร์เตอร์เพื่อลด EMI ที่แผ่ออกมา

กรณีศึกษา 3: ระบบเครือข่ายอุตสาหกรรม (Industrial Ethernet) ไม่เสถียร

ปัญหา:
ระบบ SCADA หรือระบบเครือข่ายควบคุมโรงงานไม่สามารถสื่อสารข้อมูลได้อย่างต่อเนื่อง เช่น เกิด packet loss หรือ delay สูง

สาเหตุ:

  • สัญญาณรบกวนจากสายไฟพาวเวอร์แรงสูงที่วิ่งใกล้กับสาย LAN
  • ไม่มีการป้องกัน EMI สำหรับอุปกรณ์เครือข่าย

วิธีแก้ไข:

  • ใช้สาย LAN แบบ STP (Shielded Twisted Pair) หรือใช้สายไฟเบอร์ออปติก
  • ติดตั้งอุปกรณ์ network ในตู้ควบคุมที่มีการป้องกัน EMI
  • ตรวจสอบและปรับระบบสายดินของทั้งระบบให้เหมาะสม

สรุป

EMI หรือสัญญาณรบกวนแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้า การป้องกันและลดผลกระทบจาก EMI จึงมีความสำคัญต่อความเสถียรของระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในบ้าน โรงงาน หรือสำนักงาน การทำความเข้าใจถึงที่มา ผลกระทบ และวิธีการป้องกันที่ถูกต้อง จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *